Small Pleasures
ภาพของโลกยุคใหม่มักจะบอกเราว่าความสุขคือ การได้ไปสถานที่แปลกใหม่ ได้กินของอร่อยในร้านเปิดใหม่แถวยาวเหยียด เราเห็นภาพลักษณะนี้ผ่านหน้า feed ของ facebook โดยเพื่อนเราเองหรือ สื่อโฆษณาออนไลน์โผล่ขึ้นมาเวลาเรากำลังสนใจอะไรสักอย่างอยู่อย่างรู้ใจ หากถอยหลังไปยุคก่อนหน้านี้หน่อย โทรทัศน์หรือนิตยสารก็ทำหน้าที่ฉายภาพความสุขลักษณะนี้ไม่ต่างกัน
แล้วความสุขลักษณะนี้มันเริ่มมาตั้งแต่ตอนไหน?
หนังสือความสุขเล็กๆ (Small Pleasures ) ได้บอกเราว่า ทัศนคติว่าด้วยความสุขของกลุ่มลัทธิโรแมนติก ราวปีค.ศ 1750–1900 โดยกวี ศิลปิน และนักประพันธ์นิยาย มีความคิดไปในทางเดียวกัน “เน้นการให้คุณค่ากับสิ่งที่พบเจอได้ไม่บ่อย เข้าถึงได้ยาก และมักต้องออกเดินทางไกลโพ้นจากสถานที่ที่ตนเองใช้ชีวิตอยู่ตามปกติ” ด้วยงานที่แพร่หลายของศิลปินและนักเขียนเหล่านี้ทำให้ผู้คนมองข้ามความสุขใกล้ตัวไป หากเราบอกว่าเราชอบมองพระอาทิตย์ตกดินที่หลังบ้านทุกเย็น พร้อมกับเสียงนกสื่อสารกันระหว่างบินกลับรัง ก็คงดูเป็นเรื่องเล็กน้อยหากเทียบกับ การได้ท่องไปกับเรือสำราญ หรือว่าการไปกินขาปูที่ประเทศญี่ปุ่น
ความสุขเล็กๆเป็นความสุขอีกประเภท ไม่เข้าข่ายลัทธิโรแมนติกบอกไว้ “ถ้าเป็นสิ่งที่ใครๆก็มีได้ เป็นสิ่งที่พบเจอง่ายๆที่บ้าน” พวกเขาจะมองว่ามันเป็นสิ่งไม่สำคัญทันที ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง
“อาจจะฟังแปลกดูสักนิดที่จะบอกว่าโดยธรรมชาติคนเราไม่รู้จะมีความสุขอย่างไร”
แท้จริงการมองหาความสุขเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนและรู้จักมองหา ไม่ใช่เพียงฟังหรือดูจากการนำพาของสื่อต่างๆในสังคม หนังสือความสุขเล็กๆ ได้เขียนไว้ในบทนำว่า “อาจจะฟังแปลกดูสักนิดที่จะบอกว่าโดยธรรมชาติคนเราไม่รู้จะมีความสุขอย่างไร” หลายคนพร่ำบ่นกับความทุกข์ในชีวิตของตนเองทุกวัน ทั้งๆที่หากเปลี่ยนมุมมองนิดเดียวชีวิตคงมีความสุขได้ไม่ยาก
หนังสือเล่มนี้ยกตัวอย่างความสุขเล็กๆออกมา 52 หัวข้อ หัวข้อที่ชอบเช่น ค้างคืนคนเดียวในโรงแรม แช่น้ำร้อน เดินเล่นตอนเที่ยงคืน ข่าวการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ หรือหัวข้อที่รู้สึกว่าไม่เกี่ยวข้องเลย เช่น ร้านขายปลา เสน่ห์ของวัว แต่แม้อ่านหัวข้อแล้วไม่สนใจ หากอ่านลึกลงไปในรายละเอียดกลับพบว่า ยังมีมุมมองแปลกใหม่ที่เรามองข้าม อันสามารถนำมาใช้เป็นวิธีมองหาความสุขเล็กๆได้
ความน่าสนใจอีกอย่างของสำนักพิมพ์ the School of Life คือ นอกจากตัวหนังสือ เขายังทำการ์ด เป็นกล่องเล็กๆให้เราพกติดตัวไปไหนมาไหนได้ มีหัวข้อเขียนสั้นๆให้เรานึกถึงข้อความในหนังสือ หรือให้เราสามารถตีความใหม่ได้หลากหลาย
สำหรับตัวผมเองหากหยิบความสุขเล็กๆมาสักเรื่องคงเป็นเรื่องไฟดับ สมัยก่อน ถึงแม้บ้านจะตั้งอยู่ในเมือง แต่ก็ไฟดับบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลากลางคืน บริเวณรอบมืดสนิท แสงเทียนถูกจุดตามจุดต่างๆในบ้าน ผู้ใหญ่ถือไฟฉายเดินไปมา ผมนั่งเล่นของเล่นเงียบๆอยู่คนเดียว ฟังเสียงผู้ใหญ่เดินไปเดินมา เสียงคุยกันไกลๆของเพื่อนบ้าน รอบข้างเงียบกว่าที่เคยเป็น ไม่มีเสียงโทรทัศน์ ไม่มีเสียงของเครื่องปรับอากาศ ผมชอบนึกถึงเรื่องนี้บ่อยๆ